แอบก็อบมาอ่านเอง จะได้อ่านง่ายๆ

14

# โศกนาฏกรรมรัก (ของหมอ-พยาบาล) ณ โรงบาลบ้านนอก # ตอนที่ 14 #

เท้าความเดิมจากตอนที่แล้ว ... ได้พูดคุยกับนังโหดเรื่องเกี่ยวกับการย้ายโรงพยาบาลเพราะไม่ค่อยได้ถ่ายรูปซักเท่าไหร่ ...

ผมถามเธอว่า ... ไปด้วยกันมั้ย? เราอยากให้เธอไปด้วย
ไม่ ... บ้านเราอยู่ที่นี่ ... พ่อแม่อยู่ที่นี่ ... เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ก็อยู่ที่นี่ ... ทำงานที่นี้ก็สบายดีอยู่แล้ว ไม่อยากต้องไปเริ่มอะไรใหม่ๆ ... เธอตอบ
อือ ... ผมตอบไป
ในใจคิดว่าพอไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า รบเร้ามากไปจะยิ่งบรรยากาศไม่ดีเปล่าๆ เพราะยังมีเวลาเหลืออีกหลายเดือนกว่าจะถึงรอบย้าย

ตอนนั้นได้โทรไปปรึกษากับทางจังหวัด เรื่องการย้าย
ทางจังหวัดก็แจ้งว่า ย้ายไปที่ใหม่ก็ดี เพราะรพ.ใหม่ที่จะย้ายไปมีหมอขอย้ายออก 2 คน เพราะลูกเข้าโรงเรียนในจังหวัด ถ้าไม่มีหมอไปแทนก็จะได้หมอใหม่ๆไปแทน ซึ่งถ้าเป็นไปได้ ในโรงพยาบาลมีหมออยู่หลายๆรุ่นก็คงจะดีกว่า

เอาล่ะ ... ได้มา 1 เหตุผลที่เข้าท่ากว่าถ่ายรูปละ 555
แต่ยังเอาไปต่อรองไม่ได้ ต้องรวบรวมข้อมูลมากกว่านี้ ก็เลยพักไว้ก่อน หาข้อมูลหาเหตุผลไปพลางๆ
...

เธอ ... ไปดูดวงกันมั้ย ... นังโหดถาม
ไม่อ่ะ .. ไม่เคยเชื่อ ... ผมตอบ

และก็นึกถึงเรื่องในอดีตตอนสอบเอนท์ทรานซ์ แม่ได้พาไปดูดวงกับหมอดูชื่อดังแถวบ้าน ว่าจะเอนท์คณะไหนดี ตอนนั้นผมได้ทุนเรียนต่อวิทยาศาสตร์ ที่ม.ชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ใจอยากเอนท์หมอมากกว่า พอไปถามแม่ แม่ก็ไปถามหมอดูต่อ ... หมอดูตอบแบบฟังธงว่า ไม่มีปัญญาเรียนหมอหรอก ให้เอาวิทยาศาสตร์ไป ... พ่องงงงงงง ... กูจะฝืน ... แล้วไงล่ะ ได้เป็นหมอซะด้วย ... ดังนั้นก็เลยเชื่อมาตลอดว่า ดวงของกู กูลิขิตเอง ...

เอาน่า ... ไปด้วยกันนะ ... หมอดูคนนี้แม่นมาก … นังโหดบอก
งั้นก็ได้ ... ผมตอบแต่ในใจคิดว่า ... เอาอีกละ แม่นอีกละ ก็ได้ กูจะท้าแม่งเอง ... ถ้ารู้จริง ไปแทงหวย ซื้อเบอร์ดีกว่ามั้ย? ...

... หลายวันต่อมา นังโหดก็พาไปหาหมอดู
หมอดูเป็นหมอดูโดยใช้ไพ่ ไพ่ที่ใช้ก็ไพ่ป๊อกเด้งธรรมดาหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปเนี่ยแหละ

ตอนนั้นก็ขอดูเรื่องพวกทั่วๆไปก่อน เริ่มจากนังโหด
ดวงก็ไม่มีอะไร ดีๆร้ายๆปนๆกัน

ส่วนตัวผมนั่งสังเกตไพ่อย่างเดียวว่ามีตุกติกอะไรมั้ย … แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร
ตอนท้ายก็บอกว่าอยากดูดวงเรื่องชีวิตคู่ ... แต่หมอดูก็บอกว่าขอดูดวงผู้ชายก่อน

แล้วก็มาดูดวงผม เริ่มต้นจากให้ผมสับไพ่ ตัดไพ่ แล้วก็หยิบไพ่ออกมา 4 ใบ
หยิบเสร็จหมอดูเกิดอาการเหวอแดก ไม่ยอมดูต่อให้ แล้วก็ไล่ให้ออกไปนอกร้าน

... ผมหยิบได้ เอซ 4 ใบติด ... ไม่ได้เล่นตุกติกอะไรนะ หยิบมั่วไปนั่นแหละแต่มันดันออกแบบนี้
ความน่าจะเป็นที่จะหยิบไพ่ออกมาแบบนี้เท่ากับ 1 ใน 6,497,000 (หรือ 52 x 51 x 50 x 49)

หมอดูบอกก่อนไล่ว่าดวงแรงมาก ถ้าดูต่อหมอดูอาจถึงฆาตเอง
อ้าว ... เวรกรรม กะว่าจะจัดหนักหน่อย ...
แต่ยังโอเคหน่อย เพราะตอนที่หมอดูบอกนังโหดเรื่องการงาน บอกว่า ชีวิตจะต้องอยู่ห่างบ้าน ... อย่างน้อยก็ได้เหตุผลให้นังโหดเห็นด้วยกับการย้ายโรงบาลเพิ่มอีก 1 ข้อ ...
...

ต่อมาไม่นาน ดูท่านังโหดจะพยายามจะดูดวงให้ได้
คิดๆดูก็แปลกดีนะ ทำไมถึงจะอยากรู้ด้วย ไอ้คนที่ไปหาเชื่อได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เหอะ

สมมติว่าไปดูดวงแล้วหมอดูบอกว่า ไปด้วยกันได้ หรือไปด้วยกันไม่ได้เนี่ย ถ้าเกิดไม่ตรงตามนั้น เรียกเอาเงินคืนพร้อมต้นและดอกได้ป่าว? เป็นอาชีพที่แปลกดีนะ ไม่ต้องรับผิดชอบห่าอะไรเลย

นังโหดพาไปหาหมอดูอีกเจ้านึงให้มันหลอกเอาอีก … คราวนี้เป็นแบบดูวันเดือนปีเกิดอะไรประมาณนี้
ประโยคแรกที่ขำสัสๆเลยคือ ถามว่าวันเกิดวันที่เท่าไหร่ ... ตามบัตรประชาชนน่ะ
นังโหดตอบไปว่า ... วัน XX เดือน YY ปี ZZ
ไอ้หมอดูแม่งก็พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อยว่าคนเกิดวันนี้เป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนั้น ชะตาเป็นแบบนี้
เอ๊ะ ... แต่ก็ตรงซะเยอะนะ
พอมันพูดเสร็จผมก็บอกว่า วันเกิดจริงๆน่ะวันนึง วันเกิดตามบัตรน่ะอีกวันนึงนะ

เอาล่ะสิ แม่ง หมอดูเงิบ ... ขำมาก

เพราะตอนที่นังโหดเกิด ... หมอที่ทำคลอดบอกว่าตายแน่ๆ ไม่รอดหรอก เพราะตัวเขียว หายใจริบหรี่ หัวใจไม่ค่อยเต้น
พอปู่กับย่าได้ยินแบบนั้นก็พาตัวนังโหดกลับไปที่บ้าน พาไปอาบน้ำตกแถวบ้าน กินน้ำมนต์อะไรเนี่ยแหละ สุดท้ายก็รอดตายมาได้ อีกเดือนกว่าถึงจะไปแจ้งเกิ
วันเกิดจริงกับวันเกิดตามบัตรก็เลยไม่ตรงกันด้วยประการฉะนี้

และด้วยความเงิบของหมอดู ก็เลยไล่เราทั้งสองออกไป ไม่ดูดวงต่อ กล่าวหาว่ามาแกล้งกัน
ตอนนั้นแบบว่า เดินอออกจากร้าน หัวเราะท้องแข็ง แม่ง หมอดูหน้าตาตลกมาก เหมือนกับว่าอุตส่าห์ไปหาข้อมูลมา พูดถูก แต่ดันดูผิดวัน ... อ้าว ก็บอกเองนี่หว่าว่าเอาวันตามบัตรประชาชน
...

หลังจากนั้นก็ล้มเลิกโครงการดูดวงไป ท่าทางฟ้าไม่อยากจะให้ใครเปิดเผยดวงของเรามั้ง
...

ผ่านไปอีกราวๆหนึ่งเดือน
ผมก็ชวนนังโหดมาอยู่ที่บ้านพักด้วยกัน เพราะก่อนหน้านี้ ถ้าเอาจริงๆก็แทบจะอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว
ก็มาอยู่บ้านเดียวกันซะเลย อะไรอะไรจะได้สะดวกหน่อย
เพราะยังไงๆ พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้รับทราบ เราทั้งคู่ก็โอเค ... ก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่บ้านพักด้วยกัน
แต่ก็มีกระแสมาบ้างนะว่าไม่เหมาะสม ไม่ควร ไม่อย่างนู้นไม่อย่างนี้
แต่ขออภัย ... ไม่สนล่ะ ช่างมันปากหอยปากปู …
...

การที่ได้ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับอีกเพศหนึ่ง เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่พอดู

ด้วยความที่ระดับความใกล้ชิดเพิ่มมาอีกระดับ ทำให้สร้างความซาบซ่านได้เป็นอย่างดี

แต่ในอีกแง่หนึ่ง ใกล้ชิดกัน ก็ยิ่งเห็นความแตกต่าง ความไม่ดีของอีกฝ่ายมากขึ้นเหมือนกัน

ผมเองก็เริ่มกลับมาใช้นิสัยเดิมๆ คือมักง่าย กินตรงไหนก็ได้ ตั้งแต่ที่โต๊ะยันเตียงนอน กินเสร็จก็วางไว้แถวๆนั้น
กลับมาบ้านบางทีรองเท้าก็ไม่ถอด บางทีถอดรองเท้าแล้วถุงเท้าก็ไว้ไม่เป็นที่
เสื้อผ้านี่ยิ่งหนัก กางเกงใน กางเกงสแล็ก อยู่ตั้งแต่หัวเตียงยันในครัวเลยทีเดียว แถมยังอยู่ในสภาพอินฟินิตี้ หรือเลข 8 นั่นเอง

ส่วนเธอก็มีโผล่มาบ้าง อย่างเช่นเรื่องรองเท้าอลังการล้านแปดมาก วางซะแทบจะปิดประตูไม่ได้ จะวางนอกบ้านก็ไม่เอา จะให้วางในบ้าน
หมาของเธอก็ด้วย ก่อนหน้านี้มันอยู่ที่แฟลต ก็โอเคไม่เท่าไหร่ แต่พอมาอยู่ด้วยกันนี่ แม่ง รู้ได้เลยว่าหมาพุดเดิลเป็นหมาที่เห่าเก่งชิบหาย หนวกหูมาก แถมเลือกกิน กินแต่อาหารเม็ด แถมยังต้องเป็นของยี่ห้อดีๆ แล้วก็เปลี่ยนรสชาติไปเรื่อยๆอีก
เครื่องสำอางก็ด้วย โอ้โห จะมีอะไรขนาดนั้น ไปเป็นช่างทาสีบ้านเลยมั้ย มีครบทุกเฉดสี แถมยังมีอะไรอีกไม่รู้ แป้งนู่นนี่นั่น รองพื้น ครีม ฯลฯ สารพัดมาก จนทุกวันนี้ยังไม่อยากทำความรู้จักกับมันซักเท่าไหร่ เวลาจะออกไปไหนจะต้องมาเสียเวลากับกับกระบวนการทาสีบ้านนี่นานมาก

แต่ก็อย่างที่เคยบอกไปว่า ไม่มีใครที่ไม่มีข้อเสีย หากรับข้อเสียอีกฝ่ายได้ จะทำให้อยู่ด้วยกันไปได้ตราบนานเท่านาน

และข้อเสียเหล่านี้ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เราทั้งสองก็รับของอีกฝ่ายได้
...
..
.
หลังจากนั้นผ่านไประยะหนึ่ง ...

ขณะที่กำลังขับรถเดินทางอยู
เธอ ... แต่งงานกันมั้ย ... ผมถาม
...
..
.
พอก่อนละกันนะ พิมพ์ทันแค่นี้ ... แหะแหะ